Record 4
Monday 5 February 2018
เนื้อหาการเรียนการสอน (Knowledge)
นักศึกษาแต่ละกลุ่มนำเสนองาน
กลุ่มที่ 1 รูปแบบการเรียนรู้แบบมอนเตสเซอรี่
🔅การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่
การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่เกิดจากแนวคิดของมาเรีย มอนเตสซอรี่ (Maria Montessori) แพทย์หญิงชาวอิตาลีที่มีความเชื่อว่า “การให้การศึกษากับเด็กในวัยเริ่มต้น ไม่ใช่การนำความรู้ไปบอกเด็ก แต่ควรเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้เจริญเติบโตไปตามความต้องการทางธรรม ชาติของเขา” มอนเตสซอรี่เริ่มต้นนำแนวการสอนนี้ไปใช้กับเด็กที่มีพัฒนาการทางสติปัญญาล่าช้า โดยประดิษฐ์สื่อวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นหัวใจสำคัญในการเปิดโอกาสให้เด็กได้ค้นพบสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง
🔅🔅จุดมุ่งหมายของการสอนแบบมอนเตสซอรี่
“ช่วยพัฒนาหรือให้เด็กมีอิสระในด้านบุคลิกภาพของเด็กในวิถีทางต่างๆ อย่างมากมาย“
สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนระบบมอนเตสซอรี่คือการจัดระบบเพื่อสะท้อนถึงศักยภาพที่แท้จริงและความต้องการของเด็ก เพื่อเด็กจะได้พัฒนาบุคลิกภาพของเขา
🔅🔆🔅การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่
การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่เป็นการจัดสภาพการเรียนรู้สำหรับเด็ก โดยมีครูเป็นผู้จัดสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้เหมือนบ้านและเป็นผู้ให้การสนับสนุนให้เสรีภาพแก่เด็กให้คำปรึกษาและกระตุ้นให้เด็กคิดแก้ปัญหาด้วยตนเองให้ใช้จิตใจซึมซับสิ่งแวดล้อมเพราะมอนเตสซอรี่เชื่อว่า เด็กคือ ผู้รู้ความต้องการของตนเองและมีความสามารถที่จะซึมซับการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมได้
หลักสูตรของมอนเตสซอรี่สำหรับเด็กวัย 3-6 ขวบ ครอบคลุมการศึกษา 3 ด้าน
1. ด้านทักษะกลไก (Motor Education) หรือกลุ่มประสบการณ์ชีวิต มีจุดประสงค์เพื่อฝึกการดูแลและจัดการสิ่งแวดล้อมเด็กจะทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเบื้องต้นของชีวิตประจำวัน เช่น มารยาทในการรับประทานอาหารเป็นต้น
2. ด้านประสาทสัมผัส (Education of the Senses) มีจุดประสงค์เพื่อฝึกการสังเกต การใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าเกี่ยวกับมิติรูปทรง ปริมาตรของแข็ง ของทึบ อุณหภูมิ เด็กจะได้รู้จักทรงกระบอก ลูกบาศก์ ปริซึม แขนงไม้ ชุดรูปทรงเรขาคณิต
3. ด้านการเขียนและคณิตศาสตร์ (Preparation For Writing and Arithmetic) หรือกลุ่มวิชาการมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมเด็กเข้าสู่ระดับประถมศึกษาเตรียมตัวด้านการอ่านการเขียนโดยธรรมชาติการประสมคำ คณิตศาสตร์
การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่มีลักษณะ
การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่มีลักษณะส่งเสริมการเรียนด้วยตนเองของเด็ก เน้นการช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด โดยสภาพของโรงเรียนจัดสิ่งแวดล้อมให้เสมือนบ้าน มีห้องต่างๆ ที่บ้านควรมี เช่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่นมีห้องโถงใหญ่ที่จัดมุมการเรียนรู้ไว้ตอบสนองความต้องการของเด็ก ได้แก่ มุมฝึกประสาทสัมผัส มุมภาษา มุมคณิตศาสตร์ มุมดนตรี มุมศิลปะ มุมที่จะสอนสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และมุมภูมิศาสตร์ เป็นต้น ห้องนี้เปรียบเสมือนห้องทำงานของเด็ก จะมุ่งเน้นทางด้านสติปัญญา
👉 หลักการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ มีดังนี้
✔ จัดห้องเรียนให้เสมือนบ้าน
✔ ให้เสรีภาพกับเด็กที่จะเลือกเล่นด้วยตนเอง
✔ จัดสภาพการณ์ต่างๆที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง
✔ พัฒนาจิตใจของเด็กไปพร้อมกับการพัฒนาการทางด้านสติปัญญาและร่างกาย
✔ การเรียนไปพร้อมกับการเล่น
✔ ฝึกการใช้ประสาทสัมผัสของเด็กทุกด้าน
✔ การรักเด็กและนับถือความสามารถที่เป็นธรรมชาติของเด็ก
👉การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่จะส่งเสริมเด็กให้เกิดคุณลักษณะ ดังนี้
- เด็กสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีเพราะหลักสูตรมอนเตสซอรี่ออกแบบโดยการเลียนแบบชีวิตจริง
- เด็กเรียนด้วยความสุข เพราะเป็นจัดการเล่นปนเรียน สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก - เด็กได้เข้าสังคมกับเพื่อนให้เด็กที่มีความแตกต่างกันเรียนรู้ที่อยู่ร่วมกันให้ความช่วยเหลือกัน เพราะกาเรียนแบบจัดกลุ่มเด็กหลายอายุ รวมกลุ่มกัน
- การเรียนที่มุ่งให้เด็กทำกิจกรรมจนสำเร็จด้วยตนเองไม่มีการแข่งขันเปรียบเทียบเด็กจะรู้สึกท้าทายตนเอง ไม่เครียด ไม่เบื่อหน่ายการเรียน
รูปแบบการเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่
ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : หัวใจสำคัญของการเรียนรู้แบบมอนเตสเซอรี่คืออะไร ควรศึกษาเพิ่มเติม
กลุ่มที่ 2 รูปแบบการเรียนการสอนแบบไฮสโคป
( HighScope Approach )
การสอนเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้พัฒนาคน การเรียนรู้และการสอนทำให้มีการคิดเชื่อมโยงความรู้ได้อย่างรวดเร็ว การศึกษาปฐมวัยจึงเป็นการศึกษาที่จัดให้แก่เด็ก 6 ขวบแรก เป็นการจัดการศึกษาเพื่อการดูแล และสร้างเสริมเด็กให้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ ด้วยการเรียนรู้ที่ถูกต้องแจ้งชัด ลักษณะการจัดการเรียนการสอนจึงมุ่งจำเพาะไปที่พัฒนาเด็ก ใจเด็ก และอนาคตเด็ก
การสอนเด็กปฐมวัยไม่ใช่การถ่ายทอดความรู้ แต่เป็นการจัดประสบการณ์อย่างมีรูปแบบเพื่อส่งเสริมพัฒนาการ พัฒนาสมรรถนะทางปัญญา และพัฒนาจิตนิยมที่ดี การเรียนการสอนสำหรับปฐมวัย มีหลากหลายรูปแบบ แต่สำหรับรูปแบบที่ผู้เขียนจะนำเสนอนั้นก็เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความน่าสนใจอีกรูปแบบหนึ่ง รูปแบบการเรียนการสอนที่ว่านั้นก็คือ รูปแบบการเรียนการสอนแบบไฮสโคป
🔆 ความเป็นมา
การเรียนการสอนแบบไฮสโคป เป็นแนวคิดการจัดการศึกษาที่พัฒนามาจากโครงการ เพอรี่ พรีสคูล (Perry Preschool Project) เมืองยิปซีแลนติ (Ypsilanti) รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1960 โดย เดวิด ไวคาร์ด (David Weikart) และคณะ เป็นโปรแกรมการศึกษาที่มีหลักสูตรและการสอนเน้นการเรียนรู้โดยใช้หลักการสร้างความรู้ (constructive process) จากการกระทำ ที่ต้องมีการร่วมกันคิดร่วมกันทำตามแผนที่กำหนด ซึ่งต่อมาได้มีผู้นำรูปแบบการศึกษาของไฮสโคปไปใช้อย่างแพร่หลาย รวมถึงการนำมาใช้กับการเรียนการสอนระดับปฐมวัยศึกษาด้วย
🔆🔆แนวคิดพื้นฐาน
การสอนแบบไฮสโคป มีพื้นฐานแนวคิดมาจากทฤษฎีของเพียเจท์ (Piage’s Theory)ว่าด้วยพัฒนาการทางสติปัญญา ที่เน้นการเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติที่เด็กสามารถสร้างความรู้ได้เองโดยใช้กระบวนการสร้างสรรค์การเรียนรู้ (Constructive process of learning) เด็กจะเรียนรู้จากการกระทำของตน การประเมินผลงานอย่างมีแบบแผน ช่วยให้เด็กเกิดความรู้ขึ้น เด็กสามารถสร้างความรู้ได้จากประสบการณ์ที่มีความหมาย ซึ่งจากแนวคิดนี้ ในการเรียนเด็กสามารถเลือกเรียนเลือกปฏิบัติจัดกระทำดำเนินการเรียนรู้และประเมินผลงานของตนเอง เด็กจะได้รับการกระตุ้นจากครูให้คิดนำอุปกรณ์มากระทำหรือเล่นด้วยการวางแผนการทำงาน แล้วดำเนินตามแผนไว้ตามลำดับพร้อมแก้ปัญหาและทบทวนงานที่ทำด้วยการทำงานร่วมกันกับเพื่อนเป็นกลุ่มเล็กๆ โดยมีครูคอยให้กำลังใจ ถามคำถาม สนับสนุน และเพิ่มเติมสิ่งที่เด็กต้องเรียนรู้
🔆🔆🔆แนวคิดสำคัญ
แนวการสอนแบบไฮสโคปเน้นการเรียนรู้แบบลงมือกระทำผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับการพัฒนาการของเด็กและการแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น
การเรียนการสอน
การเรียนการสอนแบบไฮสโคป เป็นการสร้างองค์ความรู้จากการที่เด็กได้ลงมือจัดกระทำกับอุปกรณ์ หรือสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นประสบการณ์ตรง โดยที่ครูจะเป็นคนเตรียมอุปกรณ์ให้กับเด็กและกระตุ้นให้เด็กพัฒนาและดำเนินกิจกรรม โดยใช้หลักปฏิบัติ 3 ประการ คือ
– การวางแผน (Plan) เป็นการกำหนดแนวทางการปฏิบัติหรือดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมาย มีการสนทนาระหว่างครูกับเด็ก ว่าจะทำอะไร อย่างไร การวางแผนกิจกรรมอาจจะใช้แสดงด้วยภาพหรือสัญลักษณ์ประจำตัวเด็ก เป็นกระบวนการที่เด็กมีโอกาสเลือก และตัดสินใจ
– การปฏิบัติ (Do) คือการลงมือกระทำตามแผนที่วางไว้ เป็นส่วนที่เด็กได้ร่วมกันคิด แก้ปัญหา ตัดสินใจและทำด้วยตนเอง เป็นส่วนที่เด็กได้มีการพัฒนาการพูดและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสูง
– การทบทวน (Review) เป็นช่วงที่ได้งานตามจุดประสงค์ ช่วงนี้จะมีการอภิปรายและเล่าถึงผลงานที่เด็กทำเพื่อทบทวนว่า เด็กสามารถปฏิบัติตามแผนที่วางไว้หรือไม่ มีการเปลี่ยนแปลงแผนอย่างไร และชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างแผนกับการปฏิบัติ และผลงานที่ทำ รวมถึงการเล่าประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับ
การที่เด็กได้ลงมือทำงานหรือกิจกรรมด้วยความสนใจ จะทำให้เด็กสนุกกับการทำงาน การทำตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบ ผลงานที่เกิดขึ้นนับเป็นความสำเร็จของเด็กในการลงมือทำกิจกรรมกับเพื่อนอย่างมีความสุข
👪สรุปรูปแบบการเรียนการสอนแบบไฮสโคป
การเรียนการสอนแบบไฮสโคป สามารถนำไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ ได้ทุกกิจกรรม เพราะกระบวนการและวิธีการสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กเปิดกว้างมีการคิดการปฏิบัติ ตามวงจรของการวางแผน การปฏิบัติ และการทบทวน ( plan-do-review cycle ) เมื่อทำกิจกรรมแล้วเด็กสามารถที่คิดกิจกรรมอื่นต่อเนื่องได้ตามความสนใจ จุดสำคัญอยู่ที่ประสบการณ์การเรียนรู้ ( Key experience ) ที่เด็กควรได้รับระหว่างกิจกรรม ซึ่งครูต้องมีปฏิสัมพันธ์และกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้จากกิจกรรมให้มากที่สุด
การเรียนการสอนทุกรูปแบบต่างก็ส่งผลต่อเด็กในการเรียนรู้ แต่สิ่งที่มุ่งหวังให้เด็กได้รับอย่างน้อยต้องส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคมและสติปัญญา เพื่อการเรียนรู้ที่ดีและการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้มีความคิดอิสระสร้างสรรค์ ริเริ่ม ซึ่งรูปแบบการเรียนการสอนแต่ละรูปแบบจะมีจุดเน้นสำคัญของรูปแบบที่เป็นลักษณะเฉพาะของรูปแบบนั้นๆ
ครู คือบุคคลที่จะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ หากรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความสอดคล้องภาวะการเรียนรู้ของเด็กและครูมีความเข้าใจในรูปแบบการเรียนการสอน ก็จะเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ที่ดีให้กับเด็กมากยิ่งขึ้น
อ้างอิงรศ.ดร.กุลยา ตันติผลาชีวะ( 2551 ). รูปแบบการเรียนการสอนปฐมวัยศึกษา. กรุงเทพ: โรงพิมพ์มิตร สัมพันธ์กราฟฟิค.………… ( 2552 ). รวมนวัตกรรมทฤษฎีการศึกษาปฐมวัยสู่การประยุกต์ใช้ในห้องเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 2 , กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์สาราเด็ก.
รูปแบบการเรียนการสอนแบบไฮสโคป
( HighScope Approach )
ข้อเสนอแนะของอาจารย์ : แนวคิดสำคัญ แนวการสอนแบบไฮสโคปเน้นการเรียนรู้แบบลงมือกระทำผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย
Teaching methods (วิธีการสอน)
-การบรรยาย
-การตั้งคำถาม
-การบรรยาย
-การตั้งคำถาม
Skill (ทักษะที่ได้)
-การฟัง
-การทำงานร่วมกับผู้อื่น
-การเชื่อมโยงเหตุผล
-การคิดวิเคราะห์
-การคิดอย่างเป็นระบบ
-ทักษะการคิดแก้ไขปัญหา
-การฟัง
-การทำงานร่วมกับผู้อื่น
-การเชื่อมโยงเหตุผล
-การคิดวิเคราะห์
-การคิดอย่างเป็นระบบ
-ทักษะการคิดแก้ไขปัญหา
Adoption (การนำไปประยุกต์ใช้)
-สามารถนำความรู้ที่ได้เกี่ยวกับเทคนิคการสอนมาใช้ในการต่อยอดทางการศึกษาและการนำมาใช้ในการจัดประสบการณ์ให้เหมาะสมกับเด็กปฐมวัยต่อไปในอนาคต
-สามารถนำความรู้ที่ได้เกี่ยวกับเทคนิคการสอนมาใช้ในการต่อยอดทางการศึกษาและการนำมาใช้ในการจัดประสบการณ์ให้เหมาะสมกับเด็กปฐมวัยต่อไปในอนาคต
Assessment (การประเมินผล)
ประเมินตัวเอง
ตั้งใจเรียน พยายามทำความเข้าใจในเนื้อหา ฝึกการคิดวิเคราะห์ ให้ความร่วมมือในการเรียนการสอนเป็นอย่างดี
ตั้งใจเรียน พยายามทำความเข้าใจในเนื้อหา ฝึกการคิดวิเคราะห์ ให้ความร่วมมือในการเรียนการสอนเป็นอย่างดี
ประเมินเพื่อน
เพื่อนๆเข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียน ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม
เพื่อนๆเข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียน ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม
ประเมินอาจารย์
อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายสุภาพ อธิบายเนื้อหาอย่างละเอีียด ฝึกให้นักศึกษาได้คิดวิเคราะห์
อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายสุภาพ อธิบายเนื้อหาอย่างละเอีียด ฝึกให้นักศึกษาได้คิดวิเคราะห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น